• HEALTH REPORTS Edit

    Edit
  • Edit
  • เพราะเหตุใดจึงต้องใช้ “โพรโพลิสผึ้ง” ระหว่างฤดูกาลการระบาดของหวัดและไข้หวัดใหญ่ Edit

    Edit
    • โดย นายแพทย์ ซี เลย์ บรอดเฮิร์สโพรโพลิสผึ้งได้ถูกใช้เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อมาเป็นเวลานานกว่า 2,500 ปีแล้ว โพรโพลิสประกอบด้วยยางเรซินที่ได้จากตาใบและเปลือกของต้นไม้และถูกเก็บรวบรวมโดยผึ้งทั่วโลก ผึ้งใช้โพรโพลิสใช้ในการปิดผนึกรอยแตกและช่องที่เป็นรูในรังของพวกมันและยังใช้โพรโพลิสเพื่อเสริมสร้างและซ่อมแซมรังให้แข็งแรง นอกจากนี้โพรโพลิสยังช่วยทำให้รังผึ้งปลอดเชื้อและยับยั้งจุลินทรีย์ได้อีกด้วย

    edit

  • Edit
  • ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่ถูกเก็บเกี่ยวรวบรวมโดยผึ้งนี้จะมีคุณค่ามหาศาลต่อมนุษย์ Edit

    Edit
  • การขับสารพิษด้วยพฤกษศาสตร์ธรรมชาติ Edit

    Edit
    • ปริมาณสารพิษที่เราได้รับในแต่ละวันจากการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายของแต่ละคน ปกติแล้วอวัยวะที่ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายคือตับและผิวหนัง แต่เรายังสามารถขับสารพิษจากเคมีหลายชนิดออกจากร่างกายด้วยสารอาหารจากพืช ผัก ผลไม้ที่เรารับประทาน นี่เป็นเหตุผลหลักว่าเพราะเหตุใดเราจึงต้องรับประทานผลไม้และผักในปริมาณมาก รวมถึงการรับประทานโพรโพลิสซึ่งช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือดได้อาจกล่าวได้ว่า ไม่มีพืชธรรมชาติชนิดใดที่จะสามารถขับสารพิษได้ดีกว่าโพรโพลิส จากการศึกษาวิจัยตัวอย่างโพรโพลิสบราซิล 2 ตัวอย่างพบว่า โพรโพลิสมีประสิทธิภาพในการขับสารพิษในตับของหนูทดลองมากกว่ากะหล่ำปลีและบร๊อคโคลีถึง 200 เท่า มีประสิทธิภาพในการขับสารพิษมากกว่าบลูเบอร์รี่และกระเทียม 400 เท่า และมากกว่าส้มและแตงโมถึง 2,000 เท่า

    edit

  • โพรโพลิสกับฤดูไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ Edit

    Edit
    • สารสกัดโพรโพลิสช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคเช่นโรคคอตีบ ปอดบวม คออักเสบ โรคบิด ไข้อีดำอีแดง ท้องเสียเเละโรคทางเดินปัสสาวะ โรคในช่องหู ไซนัสและลำคอ รวมทั้งการติดเชื้อจากเชื้อโรคสายพันธุ์ที่มีความทนทานต่อฤทธิ์ยาปฏิชีวนะ
      จากการศึกษาเกี่ยวกับโพรโพลิสในมนุษย์พบว่าโพรโพลิสสามารถช่วยบรรเทาอาการโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันและไซนัสอักเสบในผู้ใหญ่ และสามารถบรรเทาอาการติดเชื้อถึงร้อยละ 55 ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีที่ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจและมีไข้มา 2-3 วัน โพรโพลิสยังช่วยรักษาอาการหวัด ไข้หวัดใหญ่และโรตาไวรัส (ไข้หวัดกระเพาะอาหาร) ได้อีกด้วย
      ฤทธิ์ในการต้านสารอนุมูลอิสระจากโพรโพลิสมีประสิทธิภาพมากกว่าชาเขียวถึงหลายร้อยเท่า ดังนั้นจึงแนะนำให้รับประทานโพรโพลิส 4-8 กรัมต่อวัน เพื่อที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน ในฤดูหนาวที่มีการระบาดของหวัดและไข้หวัดใหญ่ ผมจะรับประทานโพรโพลิส 500 มิลลิกรัม (มก.) ในแต่ละวันเป็นประจำ เพื่อเป็นมาตรการป้องกันการติดเชื้อและใช้โพรโพลิสแบบสเปรย์ขณะเดินทาง เมื่อใดที่รู้สึกว่ามีอาการระคายเคืองที่ลำคอหรือคัดจมูก ผมก็จะใช้โพรโพลิสพ่นที่ลำคอและรับประทานวิตามินซี แบบ1,000 - 2,000 มิลลิกรัมร่วมกับโพรโพลิส (3 เม็ด/แคปซูล/ช้อน) ไม่ว่าจะเป็นแบบสเปรย์หรือแคปซูลหรือสารสกัดโพรโพลิส 4 ครั้งในแต่ละวันแล้วจึงนอนพักผ่อน
      โพรโพลิส สามารถบรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบ เอ็นอักเสบ หอบหืด โรคผิวหนัง สิวและโรคลำไส้อักเสบได้ สารพฤกษเคมีที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ดีที่สุดที่พบในโพรโพลิสละติจูดกลางคือกรดคาเฟอิคและฟินิลเอสเทอร์(CAPE) ซึ่งมีฤทธิ์เหมือนยาสเตียรอยด์ ส่วนสารฟีนอลในโพลิสจากเขตร้อนจะสามารถป้องกันการเกิดแผลในระบบทางเดินอาหารได้

    edit

    • ที่มา
      “Effectiveness of an Herbal Preparation Containing Echinacea, Propolis, and Vitamin C in Preventing Respiratory Tract Infections in Children . . . ” by H. A. Cohen et al., Archives of Pediatric and Adolescent Medicine, 2004
      “Chemical Compositions and Antioxidant Activities of Water Extracts of Chinese Propolis” by X. Guo et al., Journal of Agricultural and Food Chemistry, 2011
      “Propolis: Is There a Potential for the Development of New Drugs?” by J.M. Sforcin and V. Bankova, J Ethnopharmacology, 2011

    edit

Information

ปิดหน้าต่าง